อัญมณีตระกูลควอทซ์ (Quartz)

สูตรเคมี SiO2 มีระดับความแข็ง 7 (มีความทนทานดี) มีความวาวแบบแก้ว 

ผลจากความร้อน  การเผาให้ความร้อนสูงจะทำให้ อะเมทิสต์ ซิทริน สโมคกี้ควอทซ์ และควอทซ์ชมพูกลายเป็นไม่มีสีได้ แต่ถ้าเผาให้ความร้อนสม่ำเสมอพอดี จะทำให้อะมีทิสต์มีสีสวยยิ่งขึ้น และการให้ความร้อนที่เหมาะสมสามารถทำให้อะมีทิสต์และสโมคกี้ควอทซ์ชนิดคุณภาพต่ำ กลายเป็นสีเหลือง น้ำตาล หรือสีส้มอมแดง ซึ่งเรียกว่า ซิทริน กรรมวิธีการเผาจะทำให้มีสภาพที่ถาวร อะเมทิสต์จากบราซิลสามารถเผาเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้

แหล่งกำเนิด บราซิลจะมีมากที่สุด การกำเนิดของควอทซ์มักเกิดในรูปของ จีโอด (Geode) คือผลึกที่ตรงส่วนกลางเป็นโพรง ข้างๆโดยรอบมีผลึกของควอทซ์ติดอยู่ จีโอดจะอยู่ในรูปทรงต่างๆที่ไม่เหมือนกัน มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก

ตำหนิภายใน 
ชนิดโปร่งใส มีผลึกใสอยู่ในผลึกเฮ็กแซกโกนัลของควอทซ์ ซึ่งภายในประกอบด้วยของเหลวข้นหรือฟองอากาศเรียกว่า 2 สถานะ (2 Phase) และมีการค้นคว้าพบว่ามีแร่ประมาณ 40 ชนิด ที่เป็นรูปผลึกอยู่ในควอทซ์รูทิลเล็ทเต็ท (Rutilated) หรือ ซาจีไนท์ (Sagenite) มีตำหนิภายในเปนเส้นเข็มรูทิล (Rutile) มีลักษณะยาวเรียว สีเหลืองน้ำตาล หรืออาจมีแร่อื่นๆรวมอยู่ด้วย
ชนิดแอสเทอริซึม (Asterism) หรือสตาร์ (Star) มีลักษณะคล้ายเข็มที่เรียงกันเป็นระเบียบเล็กๆ

คุณสมบัติพิเศษ  ควอทซ์จะมี Piezoelectric คือไฟฟ้าที่เกิดจากการกดดันทางกลไกที่มีต่อผลึก ซึ่งจะทำให้เกิดมีประจุไฟฟ้าขึ้นในควอทซ์ ด้วยคุณสมบัตินี้จึงถูกนำมาใช้ควบคุมคลื่นความถี่วิทยุ รวมทั้งควบคุมความเที่ยงตรงของนาฬิกา

  • คริโซเพรส (Chrysorase)
  • ร็อคคริสตัล (Rock Crystal)
  • โรสควอทซ์ (Rose Quartz)
  • อะมีทิสต์ (Amethyst)
  • ซิทริน (Citrine)
  • สโมคกี้ควอทซ์ (Smoky Quartz)
  • รูทิลเล็ทเต็ท (Rutilated)
  • อะเวนจูรีน (Aventurine)
  • พลอยตาเสือ (Tiger's Eye)
  • พลอยตาเหยี่ยว (Hawk's Eye)
  • แอสเทอริซึม (Asterism) หรือ สตาร์ควอทซ์
  • ควอทซ์ตาแมว (Cat's Eye Quartz)